“ปัจจุบันลูกค้าเป็นส่วนสำคัญมากของธุรกิจ เพราะว่าเราอยู่ในยุคของ customer centric การที่บริษัทจะประสบความสำเร็จหรือเปล่าขึ้นอยู่กับว่าเขาสามารถทำความเข้าใจลูกค้าของเขาได้มากแค่ไหนและ แต่ละองค์กรได้นำแนวคิดมากมายมาปรับใช้กับการทำงานแต่ก็ยังไม่สามารถสร้างทิศทางดำเนินธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้จริงๆ เพราะฉะนั้นแล้วการเรียนรู้วิธีการทำวิจัยการตลาดจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญตั้งแต่ การระบุกลุ่มเป้าหมายทางตลาดแบบเจาะลึก เทคนิคการเก็บข้อมูลในยุคดิจิทัล การสำรวจตลาดและวิเคราะห์คู่แข่ง การวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน การสร้างกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ทุกตลาด การรายงานผลวิจัยในยุคดิจิทัล ซึ่งข้อมูลการรายงานผลและนำเสนอผลการวิจัยจะสามารถนำผลลัพธ์ที่ได้ไปสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าและนำมาซึ่งความสำเร็จทางธุรกิจ”
"เคยสงสัยไหมค่ะว่า... ทำไมสินค้าบางตัวถึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า? หรือทำไมแคมเปญโฆษณาบางแคมเปญถึงโดนใจคนจำนวนมาก? คำตอบไม่ได้มาจากแค่ 'ความโชคดี' แต่มาจาก ข้อมูลที่แม่นยำ และการเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งสิ่งนั้นเริ่มต้นจากการ วิจัยตลาด!"
"คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางแบรนด์ถึงดูเหมือนจะรู้จักคุณเป็นอย่างดี? หรือทำไมสินค้าและบริการบางอย่างถึงโดนใจเราจนต้องซื้อในทันที? คำตอบคือ... การรู้จัก กลุ่มเป้าหมาย อย่างลึกซึ้ง!"
"คุณเคยรู้ไหมคะว่า… ใน 1 นาทีบนโลกออนไลน์ มีการส่งอีเมลกว่า 200 ล้านฉบับ การค้นหาบน Google หลายล้านครั้ง และข้อมูลเหล่านี้ก็คือ 'ทรัพย์สินสำคัญ' ในยุคดิจิทัลนี้"
"แล้วธุรกิจหรือการทำวิจัยของคุณล่ะคะ? เก็บข้อมูลอย่างไรให้ถูกต้อง แม่นยำ และปลอดภัยในยุคดิจิทัล? วันนี้เราจะมาเรียนรู้เทคนิคและเครื่องมือที่จะช่วยคุณเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกรณีศึกษาที่น่าสนใจจากธุรกิจจริง!"
"คุณเคยสงสัยไหมคะว่า ทำไมบางธุรกิจถึงประสบความสำเร็จและเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ในขณะที่บางธุรกิจกลับต้องล้มเหลวไปอย่างรวดเร็ว?
คำตอบอยู่ที่ **“การเข้าใจตลาด” และ “การวิเคราะห์คู่แข่ง”** นั่นเองค่ะ!"
4.2 การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางตลาด ด้วย SWOT Analysis
SWOT Analysis เป็นเครื่องมือพื้นฐานในการวิเคราะห์กลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยใช้ในการประเมินปัจจัยภายในและภายนอกที่มีผลกระทบต่อองค์กร เพื่อนำไปสู่การกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสม
1. องค์ประกอบของ SWOT Analysis
SWOT ประกอบด้วย 4 ปัจจัยหลัก ซึ่งแบ่งออกเป็นปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก
1.1 ปัจจัยภายใน (Internal Factors) เป็นสิ่งที่องค์กรสามารถควบคุมและพัฒนาได้
1) Strengths (จุดแข็ง)
o ความสามารถหรือทรัพยากรที่ทำให้องค์กรได้เปรียบคู่แข่ง
o ตัวอย่าง แบรนด์ที่แข็งแกร่ง, เทคโนโลยีล้ำสมัย, ฐานลูกค้าขนาดใหญ่,
ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
2) Weaknesses (จุดอ่อน)
o ข้อจำกัดหรือปัจจัยที่ทำให้องค์กรเสียเปรียบในการแข่งขัน
o ตัวอย่าง ต้นทุนการผลิตสูง, ขาดนวัตกรรม, ขาดบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะ, ระบบซัพพลายเชนที่ไม่มีประสิทธิภาพ
ปัจจัยภายนอก (External Factors) เป็นปัจจัยที่องค์กรควบคุมไม่ได้แต่ต้องเฝ้าระวังและปรับตัว
3. Opportunities (โอกาส)
o ปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลบวกต่อธุรกิจหากสามารถใช้ประโยชน์ได้
o ตัวอย่าง การเติบโตของตลาด, เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป, กฎระเบียบที่ส่งเสริมอุตสาหกรรม
4. Threats (ภัยคุกคาม)
o ปัจจัยภายนอกที่อาจเป็นอุปสรรคต่อองค์กร
o ตัวอย่าง คู่แข่งรายใหม่, การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย, วิกฤตเศรษฐกิจ, ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้ธุรกิจล้าสมัย
2. ข้อดีและข้อจำกัดของ SWOT Analysis
ข้อดี
1) ใช้งานง่ายและมีความยืดหยุ่น
2) ช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ขององค์กรอย่างเป็นระบบ
3) ใช้เป็นเครื่องมือเบื้องต้นในการวางแผนกลยุทธ์
ข้อจำกัด
1) ข้อมูลที่ใช้วิเคราะห์ต้องถูกต้องและทันสมัย มิฉะนั้น อาจวิเคราะห์ผิดพลาด
2) SWOT ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีแก้ไขปัญหา ต้องใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น
3. เครื่องมือทางการจัดการเพื่อการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอก (External Analysis)
ปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมขององค์กรแต่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ โดยสามารถวิเคราะห์ได้ผ่านกรอบแนวคิดต่อไปนี้
1. PESTEL Analysis
PESTEL เป็นเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์แนวโน้มและปัจจัยภายนอกที่มีอิทธิพลต่อธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วย
• Political (การเมือง) – กฎหมาย, นโยบายของรัฐบาล, กฎระเบียบภาษี
• Economic (เศรษฐกิจ) – อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ, การเติบโตทางเศรษฐกิจ
• Social (สังคมและวัฒนธรรม) – พฤติกรรมผู้บริโภค, แนวโน้มประชากร, ค่านิยมทางสังคม
• Technological (เทคโนโลยี) – นวัตกรรม, การวิจัยและพัฒนา, การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
• Environmental (สิ่งแวดล้อม) – ความยั่งยืน, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, กฎระเบียบด้าน
สิ่งแวดล้อม
• Legal (กฎหมาย) – กฎหมายแรงงาน, ทรัพย์สินทางปัญญา, กฎระเบียบด้านการค้า
2. Five Forces Model (Porter’s Five Forces)
เป็นกรอบการวิเคราะห์อุตสาหกรรมที่ช่วยให้เข้าใจโครงสร้างการแข่งขัน ประกอบด้วย
• อำนาจต่อรองของผู้ซื้อ (Bargaining Power of Buyers)
• อำนาจต่อรองของซัพพลายเออร์ (Bargaining Power of Suppliers)
• ภัยคุกคามจากสินค้าทดแทน (Threat of Substitutes)
• ภัยคุกคามจากผู้เล่นรายใหม่ (Threat of New Entrants)
• การแข่งขันภายในอุตสาหกรรม (Industry Rivalry)
4. เครื่องมือทางการจัดการเพื่อการวิเคราะห์ปัจจัยภายใน (Internal Analysis)
การวิเคราะห์ปัจจัยภายในช่วยให้ธุรกิจเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเองผ่านแนวคิดหลัก
1. Value Chain Analysis (ห่วงโซ่คุณค่า)
เป็นเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์กระบวนการภายในองค์กร โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก
กิจกรรมหลัก (Primary Activities)
• Inbound Logistics – การจัดหาวัตถุดิบและบริหารซัพพลายเชน
• Operations – กระบวนการผลิตหรือให้บริการ
• Outbound Logistics – การกระจายสินค้าไปยังลูกค้า
• Marketing & Sales – การสร้างการรับรู้และขายสินค้า
• Service – การดูแลลูกค้าหลังการขาย
กิจกรรมสนับสนุน (Support Activities)
• Procurement – การจัดซื้อจัดหา
• Technology Development – การวิจัยและพัฒนา
• Human Resource Management – การบริหารทรัพยากรบุคคล
• Firm Infrastructure – ระบบบริหารจัดการองค์กร
2. VRIO Framework
เป็นเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ทรัพยากรและความสามารถขององค์กร ว่าสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้หรือไม่ โดยใช้เกณฑ์ 4 ข้อ
• V (Value - มีคุณค่าหรือไม่?) – ทรัพยากรช่วยเพิ่มมูลค่าหรือลดต้นทุนให้กับองค์กรหรือไม่?
• R (Rarity - หาได้ยากหรือไม่?) – คู่แข่งมีทรัพยากรเดียวกันหรือไม่?
• I (Imitability - ลอกเลียนแบบได้ยากหรือไม่?) – สามารถถูกเลียนแบบได้ง่ายหรือไม่?
• O (Organization - องค์กรสามารถใช้ประโยชน์ได้หรือไม่?) – องค์กรมีโครงสร้างรองรับหรือไม่?
"คุณเคยรู้สึกไหมคะว่า... การทำการตลาดในยุคนี้เต็มไปด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล แต่คำถามคือ... คุณวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างไร? และมันช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นหรือยัง?"
"การวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่คือการเปลี่ยนข้อมูลให้กลายเป็น **“คำตอบ”** ที่ชัดเจน และนำไปสู่กลยุทธ์การตลาดที่ได้ผล!"
หากคุณกำลังทำธุรกิจบางอย่าง และต้องตัดสินใจว่าจะขยายตลาดไปที่ไหน จะเลือกสินค้าชนิดไหนที่น่าจะตอบโจทย์ลูกค้า หรือแม้กระทั่งการตั้งราคาที่เหมาะสม — การตัดสินใจเหล่านี้ไม่สามารถทำได้จากแค่ความรู้สึกหรือการเดา! นั่นคือเหตุผลที่ "การสำรวจตลาด" กลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการตัดสินใจธุรกิจในปัจจุบัน
การสำรวจตลาดไม่ใช่แค่การถามลูกค้า แต่เป็นการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้เราเข้าใจถึงพฤติกรรม ความต้องการ และปัญหาของลูกค้าอย่างแท้จริง เรากำลังพูดถึงข้อมูลที่สามารถบอกได้ว่าอะไรทำให้ลูกค้าพึงพอใจ หรืออะไรคืออุปสรรคที่อาจทำให้พวกเขาหยุดซื้อสินค้าเราไป
"คุณเคยสงสัยไหมคะว่า… ทำไมผลวิจัยในปัจจุบันถึงถูกเผยแพร่และเข้าถึงได้รวดเร็วกว่าสมัยก่อน? แล้วในยุคดิจิทัลนี้ เราจะทำยังไงให้การรายงานผลวิจัยของเราน่าสนใจ ย่อยง่าย และเข้าถึงผู้คนได้มากที่สุด? ในบทเรียนนี้ เราจะไปหาคำตอบพร้อมกันค่ะ!"
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า